ก่อนนี้ Team Liquid (Counter Strike: Global Offensive; CS:GO) ถือเป็นทีมระดับสูงที่ไปไม่เคยสุด แม้ไม่หลุดจากอันดับ Ranking หลักเดียว แต่ก็ไม่เคยยึดอันดับท็อปได้ จนกระทั่งการมาของ adreN และ Stewie2K หนึ่งโค้ช หนึ่งสตาร์จอมพเนจรชาวสหรัฐฯ ที่เหมือนเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่เติมเต็มให้ ตราม้า กลายเป็น ทีมระดับแชมป์เปี้ยน อย่างที่เห็นทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม ตราม้ายุคใหม่ ไม่ได้ต้องการหยุดตัวเองไว้แค่ทีมลุ้นแชมป์ เพราะเป้าหมายสำคัญอย่างหนึ่งของพวกเขาคือการไล่ตาม Astralis ทีมดาวแดงแห่งเดนมาร์กที่สร้างสถิติมากมายเอาไว้เมื่อฤดูกาลก่อน หนึ่งในนั้นคือการครอง Grand Slam หนึ่งไตเติลสำคัญที่การจะได้มานั้น แต่ละทีมต้องคว้าแชมป์ระดับ Major ในเครือ Intel ให้ได้เกินกว่า 4 รายการ และที่สำคัญเหตุการณ์ครองถ้วยทั้งหมดทั้งมวลต้องเกิดขึ้นภายในช่วงเวลา 1 ฤดูกาลเท่านั้น
และเมื่อกลางดึกของวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา ตราม้า ที่มีโจทย์สำคัญ เพราะต้องเอาชนะ Team Vitality ในรอบชิงชนะเลิศ ESL One: Cologne 2019 เพื่อคว้าเงินรางวัล $125,000 เข้ากระเป๋า แต่ภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น คือ การหยิบถ้วยใบที่ 4 จากรายการนี้ หลังจากซิว IEM Sydney, DreamHack Dallas และ ESL Pro League SS9 เพื่อผงาดครอง Intel Grand Slam สมัยแรกของตนเอง (พร้อมเงินโบนัสอีก 1 ล้านเหรียญฯ) ซึ่งนอกจากจะทำให้พวกเขาจะเป็นทีมลำดับ 2 ในประวัติศาสตร์ CS:GO ที่จารึกชื่อตัวเองไว้ในพงศาวดารแกรนด์สแลม ตามหลัง Astralis ยุคเทพเมื่อปีก่อนแล้ว สิ่งที่พวกเขาจะถูกจารึกให้เป็น “ที่ 1” คือ การสร้างสถิติที่แทบจะไม่มีใครทำลายได้ เพราะ TL จะกลายเป็นทีมแรกที่ครองแกรนด์สแลมของ Intel ด้วยเวลาน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
และหลังจากการแข่งขันกับ Vitality จบลง หลายคนคงจะรู้แล้วว่า ตราม้าที่กำลังมาแรง ทำ “สิ่งนั้นสำเร็จหรือเปล่า”