ใครที่ไม่ได้ติดตามข่าวคราวเชิงลึกของวงการอีสปอร์ตอย่างจริงจังคงสงสัยกับพาดหัวข่าวในคราวนี้ แต่สำหรับคนที่ติดตามเรื่องราวของ Riot Games ค่ายผู้ให้กำเนิด League of Legends หรือ LoL มาโดยตลอดคงจะทราบอยู่แล้วว่า ที่ผ่านมาค่ายเกมนี้กำลังมีดราม่าว่าด้วยเรื่อง พฤติกรรม Toxic ของผู้บริหารและพนักงานระดับสูง

ต้นสายปลายเหตุของประเด็นสุดฮาในครั้งนี้ มีที่มาจากเป้าหมายของ Riot ที่ตั้งใจจะพัฒนาเกมใหม่เพื่อเปิดให้บริการเคียงคู่ชูชื่นกับ LoL (เกมแรกและเกมเดียวของค่าย) โดยไม่นานนี้ Tom Cannon ผู้ก่อตั้งและจัดงาน Evolution Championship Series หรือ EVO 2019 ได้ประกาศว่า “พวกเขากำลังสร้างเกมไฟติ้งตัวใหม่ให้ Riot” ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้สาวกเกมไฟติ้งในงานแข่งดังกล่าวไม่น้อยเลยทีเดียว

แน่นอนว่า การจะสร้างเกมใดเกมหนึ่ง โดยตั้งเป้าหมายให้มันออกมาดูดีและประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องพึ่งพาบุคลากรที่มีฝีมือและประสบการณ์ ด้วยเหตุนี้ Riot เลยเดินหน้าควานหาพนักงานฝ่ายพัฒนาเข้ามาช่วยในโปรเจกต์นี้ และเป้าหมายแรกๆ ที่พวกเขาลงทุนติดต่อโดยตรงหวังจะดึงเข้ามามีส่วนร่วมในงานคราวนี้ คือ Mike “MikeZ” Zaimont หัวหน้าโปรแกรมเมอร์ Skullgirls เกมต่อสู้แนว 2D ชื่อดังที่หลายคนน่าจะคุ้นหูคุ้นตากันดี

Oh right, Riot's making a fighting game.
Even if I didn't *love* my job at @LabZeroGames, the COO dude who touched people's balls and farted in their faces at meetings is still employed there. And all the other stuff.
No thanks.
Plus I judge anyone who writes "Skull Girls". :^P pic.twitter.com/aBxlm9VXYV

— Mike Zaimont (@MikeZSez) September 12, 2019

อย่างไรก็ตาม หลัง Riot ติดต่อผ่านอีเมลเข้าไปหา MikeZ ปรากฏว่า ไม่เพียงแต่โปรแกรมเมอร์รายนี้จะไม่สนใจที่จะร่วมงานกับค่ายผู้พัฒนา LoL เท่านั้น แต่ยังโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียประจานให้ Riot ได้อายผ่านข้อความสุดเจ็บแสบว่า

“โอเค Riot จะทำเกมไฟติ้ง”

“ถึงแม้ผมจะไม่ได้รักงานที่ตัวเองทำอยู่ที่ LabZeroGames แต่ COO (ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ) ที่ชอบจับไข่ (ใช่ ตรงนั้นแหละ) และตดใส่หน้าคนอื่นในการประชุมยังทำงานอยู่ที่นั่น ผมไม่เอาด้วยหรอก”

“เพิ่มเติม อีกอย่าง Skullgirls เขียนแบบนี้ ไม่ใช่ Skull Girls แบบนี้” เจ้าตัวหัวร้อนที่พนักงาน Riot ที่ติดต่อเข้ามาสะกดชื่อเกมที่เป็นผลงานของ MikeZ และทีมงานผิด

ทั้งนี้นี่ไม่ใช่เรื่องราวแปลกใหม่ เพราะใครที่ติดตามข่าวค่ายเกมนี้มาโดยตลอดคงพอจะทราบว่า ก่อนนี้ Riot เพิ่งมีดราม่าเหยียดและกีดกันทางเพศจนปานปลายกลายเป็นดราม่าใหญ่ เป็นเหตุให้พนักงาน Riot และผู้เกี่ยวข้องจำนวนกว่า 200 คน ได้ออกมารวมตัวกันประท้วงองค์กรของตน จนทางองค์กรต้องเรียกร้องให้มีการประนีประนอม เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการ (พยายาม) สร้างภาพลักษณ์ใหม่อยู่ระยะหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไร เพราะตอนนี้ใครๆ ก็จดจำว่า พวกเขาเป็นค่ายที่ Toxic ที่สุดในวงการไปแล้ว

เอาเป็นว่า ไม่ว่าจะจริงเท็จประการใด แฟนเกมชาวไทยอาจจะไม่ทราบ 100% แต่ด้วยความที่มีข่าวทั้งจริงและข่าวลือหนาหูเช่นนี้ ย่อมเป็นการการันตีได้ในระดับหนึ่งว่า ผู้บริหาร Riot จัญไร เอ้ย! ไม่ใช่! Riot ยังเป็นหนึ่งในค่ายเกมที่เต็มไปด้วยปัญหาจากวัฒนธรรมองค์กรอันไม่พึงประสงค์