ถึงแม้โลกอีสปอร์ตจะไม่ได้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเหมือนวงการกีฬา หรือ วงการบันเทิงอื่นๆ แต่หลายสิ่งหลายอย่างที่ปรากฏในแวดวงนี้กลับตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้ชมการแข่งขันกีฬาอิเล็กทรอนิกส์มาตลอดหลายสิบปี หนึ่งในนั้น คือ โลโก้สัญลักษณ์โล่ “ตราม้า” ของ Team Liquid หนึ่งในทีมอีสปอร์ตที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี สิ่งที่ตีคู่มากับความทรงจำนั้นย่อมหนีไม่พ้นความเคลือบแคลงสงสัย

เพราะเหตุใดชื่อ “Team Liquid” ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับม้า มาสคอตก็ไม่ได้เป็นรูปอาชา แต่เหตุใด รูปร่างของโลโก้ที่คนไทยเรียกว่า “ม้าน้ำ” ซึ่งมาจาก “โลโก้ม้า+ลิขวิด (ของเหลว)” จึงยังเป็นรูปร่างเป็นอาชาไนยเฉกเช่นในปัจจุบัน

ตอนนี้ข้อมูลที่หลายคนน่าจะทราบดีอยู่แล้วว่า ที่มาของชื่อ Team Liquid (TL) นั้น มาจากคำที่ Victor “Nazgul” Goossens ผู้ก่อตั้งและหนึ่งในเจ้าของทีม คิดขึ้นมาแบบขำๆ แต่ชอบเพราะมันฟังแล้วเท่ดี (ที่สำคัญมันไม่ซ้ำใคร) เลยนำมาใช้ตั้งเป็นชื่อทีมในปี 2000 (สมัยที่ Nazgul ที่เป็นนักแข่งสตาร์คราฟต์อายุ 17 ปี เท่านั้นเอง) อย่างไรก็ตาม ว่าด้วยเรื่องของโลโก้ที่มีประวัติศาสตร์ลึกลับซับซ้อนอันนี้ หากจะนำเสนอที่มาให้ทุกท่านทราบอย่างแน่ชัดคงต้องย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน ซึ่งเป็นเวลาไล่เลี่ยกับสมัยที่ทีมเพิ่งตั้งไข่ และหลายคนอาจจะไม่ทราบว่า โลโก้ตราม้านี้มีที่มาที่น่าสนใจไม่แพ้ชื่อทีมทีเดียวเชียวล่ะ

Smorrie หนึ่งในผู้ดูแลเว็บไซต์ทีม Liquid (Teamliquid.net) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการให้กำเนิดโลโก้ทีม เล่าว่า ที่มา ตราม้า เกิดจากความบังเอิญและความชอบส่วนตัวของตนเองเป็นเหตุ

“ผมได้รับหน้าที่ให้ทำแบนเนอร์เว็บไซต์ แล้วพอดีไปเห็นภาพฝูงม้าวิ่งฝ่าหิมะ ซึ่งเป็นอะไรที่เจ๋งเป้งมากๆ ม้าวิ่งด้วยกันเหมือนกับเราที่ทำงานเป็นทีม มีฉากหลังเป็นหิมะ ละออง และหยดน้ำ โอ้! ใช่เลย นี่แหละ Liquid”

หลังจากนั้นทีมก็นำไอเดียอันบรรเจิดของ Smorrie ที่เริ่มเป็นที่จดจำในหมู่คอมมูนิตี้อีสปอร์ตไปต่อยอดเป็นโลโก้รูปแบบต่างๆ จนกระทั่ง มาจบลงที่ภาพ “โล่ตราม้า” ที่เราคุ้นชินในปัจจุบัน (ดูจากภาพประกอบจะเห็นวิวัฒนาการจากเก่าไปใหม่ได้อย่างชัดเจน)

ไม่ว่า คุณจะอ่านเรื่องราวนี้จบแล้วรู้สึกประหลาดใจ ประทับใจ หรือไม่รู้สึกอะไร ท้ายที่สุด มันก็เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า บางครั้งเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่บางอย่างก็อาจจะเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ที่แสนเรียบง่าย และ Smorrie คงไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่า ความคิดของตัวเองจะเป็นที่ยอมรับในวงกว้างจนกลายเป็นตำนานที่มีความหมายขนาดนี้